5. วิธีการตรวจสอบ กลูต้าไธโอน อย.แท้ หรือ อย.ปลอม

1. ปริมาณกลูต้าไธโอนต่อเม็ดต้องไม่เกิน 250 mg. ถ้าเกินนี้อย.ไม่รับรอง

หากพบเห็นผลิตภัณฑ์ใดที่ระบุว่าเป็นกลูต้าไธโอนมากกว่า 250 mg.ต่อเม็ด พร้อมมีอย.รับรองด้วย สามารถตัดสินได้เลยทันทีว่าปลอมเลขอย.แน่นอน และเป็นสินค้าของปลอมแน่นอน
อ้างอิง : ประก่าศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่องข้อกำหนดการใช้ส่วนประกอบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดกรดอะมิโน

2. ต้องมีชื่อและสถานที่ผลิตระบุไว้ชัดเจน

หลายๆผลิตภัณฑ์กลูต้าไธโอนที่ ในฉลาก มีเครื่องหมายอย. แต่ไม่มีชื่อและสถานที่ผลิต หากเรากินไปแล้วเกิดอันตรายต่อร่างกายก็ไม่สามารถเอาผิดใครได้ และอีกหลายๆผลิตภัณฑ์กลูต้าที่ไม่มีทั้งอย. และสถานที่ผลิต อันนี้อันตรายมากๆเลยครับ

3. เลขอย.จะต้องมี 13 หลักและจะอยู่ในรูปแบบ

อย
XX-X-XXXXX-X-XXXX – ผมลองค้นในกูเกิ้ลดูครับ จะเห็นแอลคาร์นิทีนบางยี่ห้อที่มีอย.แต่พอนับเลขอย.พบว่ามี 12 หลักก็มี 14 หลักก็มี รูปแบบตัวเลขก็ไม่ตรงตามนี้ครับ
อ้างอิง : ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องฉลากอาหารใหม่สังเกตุได้อย่างไร โดยกองพํฒนาศักยภาพผู้บริโภค

4. ตรวจสอบผ่าน เวปไซท์องค์การอาหารและยา หรือ โทรสายด่วน อย. ที่เบอร์ 1556

- เป็นวิธีที่ชัวร์ที่สุดเลยครับ โดยนำเลขอย.ทั้ง 13 หลักไปตรวจสอบครับ (เข้าหมวดหมู่อาหารนะครับ เพราะกลูต้าไธโอนเป็นอาหารเสริม ไม่ใช่ยา) – ผมลองเอาเลขอย.ของกลูต้าไธโอนยี่ห้อ หนึ่งไปตรวจสอบพบว่าสินค้าไม่ตรงกัน คือ เค้าเอาเลขอย.ของซอสพริกไปสวมทะเบียนครับ หรือบางยี่ห้อก็แต่งเลขอย.ขึ้นมาลอยๆ ค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่พบครับ แต่ล่าสุด มีสินค้าบางตัวนำเอาเลขอย.ของเราไปติด ซึ่งสินค้าเราเป็นกลูต้าไธโอนที่ผ่านอย.รับรองเรียบร้อยแล้ว หากตรวจสอบไม่ละเอียดก็อาจถูกหลอกได้ครับ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

4. กลูต้าไธโอนทานอย่างไร ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

การรับประทานกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาวขึ้น ตามหลักวิชาการควรรับประทานอย่างไร ?
*ขนาดรับประทานของแต่ละคนไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว(คนรูปร่างใหญ่ก็จะมีเม็ดสีผิวเยอะกว่าคนรูปร่างเล็ก จึงต้องทานมากกว่าคนรูปร่างเล็ก น้ำหนักมากทานมาก น้ำหนักน้อนทานน้อย นั่นเอง)
ขนาดที่รับประทานคือ 20-40 mg/kg/day แบ่งให้ 2-3 ครั้ง ตัวอย่างเช่น ถ้าคนหนัก 50 กิโลกรัม ถ้าจะทานเพื่อให้ผิวขาวจะต้องทานวันละ 1000-2000 mg. ซึ่งดูแล้วก็หนักเอาการไม่น้อยนะครับ กับการรัปประทานกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาว เดือนๆนึงก็ตกหลายบาทอยู่เหมือนกันนะครับ
แต่เราก็มีวิธีที่จะประหยัดลงได้ก็คือ ให้รับประทานเพียงวันละ 10 mg/kg/day แล้วให้ทานสาร antioxidize อื่นๆคู่กันด้วย เช่น Vitamin C หรือ Vitamin E ซึ่งหากทานวิตามินซีคู่กับกลูต้าไธโอนจะต้องรับประทานเป็น 2 เท่าของกลูต้าไทโอนครับ
ตัวอย่างเช่น
ถ้าคนหนัก 50 กิโลกรัม ถ้าจะทานกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาวจะต้องทานวันละ 500 mg. คู่กับวิตามินซีวันละ 1000 mg.  ซึ่งสาร antioxidize จะทำกลูต้าไทโอนที่อยู่ในร่างกายคงรูปร่างอยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์ได้นานขึ้นครับ นั่นก็หมายถึงประสิทธิภาพของกลูต้าไธโอนก็เพิ่มขึ้นไปด้วยนั่นเองครับ เมื่อประสิทธิภาพของกลูต้าไทโอนสูงขึ้นเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทานปริมาณเยอะๆแล้วครับ

ส่วนช่วงเวลาไหนในการรับประทานที่จะทำให้กลูต้าไธโอนถูกดูดซึมดีที่สุด ?
ก็คือ ตอนท้องว่าง ตอนท้องว่าหมายถึงตอนที่ไม่มีอาหารอยู่ในท้องในกระเพาะ เช่น ตอนตื่นนอนใหม่ๆ หรือ ตอนก่อนจะนอน หรือ ก่อนทานอาหารมากกว่า 30 นาทีขึ้นไป หรือ หลังจากทานอาหารแล้วมากกว่า 1-2 ชั่วโมงขึ้นไปก็ได้เพราะอาหารได้ถูกย่อยหมดแล้ว หากจะทานคู่กับวิตามินซีในตอนท้องว่าก็ได้ครับ เพราะวิตามินซีก็ดูดซึมดีที่สุดตอนท้องว่างเหมือนกันครับ แต่วิตามินซีมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร แสบท้อง จุกเสียดท้อง มันกัดกระเพาะนั่นเองครับ หากต้องทานติดต่อกันเป็นเวลานานๆ หรือ หากเป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว หรือ เริ่มมีอาการดังกล่าวก็ให้เปลี่ยนมากินหลังอาหารแทนครับ เฉพาะวิตามินซีนะครับ กลูต้าไธโอนก็ทานตอนท้องว่างเหมือนเดิมครับเพราะกลูตาไธโอนไม่มีผลข้างเคียงไม่กัดกระเพาะครับ
สรุปก็คือ การรับประทานGlutathioneเพื่อให้ผิวขาวขึ้นให้รับประทานตอนท้องว่างวันละ 10 mg/kg/day ควบคู่กับรับประทานสาร antioxidize(วิตามินซี) 2 เท่าของกลูต้าไธโอนนั่นเองครับ
เมื่อสรุปตามน้ำหนักตัวจะได้ดังนี้
สาหรับผู้ที่น้ำหนักไม่เกิน 50 กก. ให้ทานกลูต้าไธโอนตอนท้องว่างวันละ 2 เม็ด คู่กับ 1 เม็ด
ส่วนผู้ที่น้ำหนักตัว 51-75 กก. ก็ควรจะทานกลูต้าไธโอนตอนท้องว่างวันละ 3 เม็ด+วิตามินซี 1เม็ดครึ่ง ถึงสองเม็ด
ส่วนผู้ที่น้ำหนักตัว 76-100 กก. ก็ควรจะทานกลูต้าไธโอนตอนท้องว่างวันละ 4 เม็ด+วิตามินซี 2 เม็ด
*ปริมาณในหนึ่งวัน ไม่ว่าจะทานรวดเดียวทีเดียว หรือ แบ่งทานเป็นเช้า-เที่ยง-เย็น-ก่อนนอน ก็ให้ผลไม่ต่างกัน ขอเพียงให้ทานกลูต้าไธโอนตอนท้องว่างเป็นพอครับ
หมายเหตุ : กลูต้าไธโอน 1 เม็ด เท่ากับ 250 มิลลิกรัม(คือปริมาณต่อเม็ดสูงสุดที่อย.รับรอง) และวิตามินซี 1 เม็ด เท่ากับ 1000 มิลลิกรัม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

3. รับประทาน(กลูต้าไธโอน)กับวิตามินซี ทานแล้วดียังไง

รับประทาน(กลูต้าไธโอน)กับวิตามินซี ทานแล้วดียังไง 

กลูต้าไธโอน อาหารเสริม ช่วยปรับ ผิวขาว ช่วยให้หน้าใส สีผิวสม่ำเสมอ เนียนใส ทั่วเรือนร่างอย่างเป็นธรรมชาติ เเละยังสามารถช่วยป้องกันเเละลดการเกิด สิว สิวอุดตัน ฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้เกิดน้อยลงด้วย
ถ้าต้องการทานเพื่อให้ได้ผลที่ดีควรรับประทาน กลูต้าไธโอน ต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 เดือน

ขนาดรับประทานของกลูต้าไธโอน

ถ้าต้องการทาน กลูต้าไธโอน เพื่อบำรุงตับ หรือ ต้านอนุมูลอิสระ ให้รับประทานวันละ 10 mg/kg/day หรือ ประมาน 500 mg/day

ถ้าต้องการทาน กลูต้าไธโอน เพื่อบำรุงตับเพื่อ ผิวขาวใส ให้รับประทานวันละ 20-40 mg/kg/day แบ่งให้วันละ 2-3 ครั้ง/วัน หรือประมาน 1000-2000 mg/day

Vitamin C 500 mg องค์การเภสัช (Thai)

วิตามิน ซี มีประโยชน์มากมาก เช่น เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สุขภาพและความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกายที่เกี่ยวข้องกับเส้นเอ็นและคอลลาเจน ก็มีผลมาและยังมีฤทธิ์ในการเป็นสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่ดี มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงสามารถป้องกันการทำลายเซลล์จากอนุมูล

วิตามิน ซี ช่วยให้ผิวขาวใส ไม่หมองคล้ำ เนียนเรียบ ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในเซลล์ จากศึกษาพบว่า การรับประทานวิตามินซีจะมีความปลอดภัย แม้ทานในระยะยาว สามารถทานเสริมเพื่อเพิ่มฤทธิ์ของ กลูต้าไธโอน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

2. กลไกการออกฤทธิ์ของกลูต้าไธโอน ที่ทำให้ผิวขาวขึ้น

@ กลไกการออกฤทธิ์ของกลูต้าไธโอน ที่ทำให้ผิวขาวขึ้น

 

glutathione_1

การที่ผิวขาวขึ้นนั้นเกิดจากกระบวนการสร้างเมลานิน โดย Glutathione ไปลดการสร้างโดยการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase และกระตุ้นให้สร้าง Phaeomelanin (สีอ่อนขาวชมพู) มากกว่า Eumelanin (เมลานินสีคล้ำ) ผลของ Glutathione ในเรื่องความขาวก็ต้องขึ้นกับสีผิวเดิมของผู้ที่เริ่มกิน หากมีสีผิวอ่อนอยู่แล้วก็เห็นผลไว แต่หากมีสีผิวคล้ำเดิมต้องรอให้ร่างกายสร้างเม็ดสีอ่อนใหม่ และเซลล์ผิวเก่าที่มีสีคล้ำผลัดหมดก่อน หากคล้ำมากอาจใช้เวลาเป็นปี

โดยสรุปแล้วผลของกลูต้าไธโอนทำให้ผิวขาวขึ้นได้

อ้างอิง : นิตยสารวงการยา ฉบับที่ 133 โดย ภก.สิกขวัฒน์ ผู้เรียบเรียง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

1. ทำความรู้จักกับ กลูต้าไธโอน

กลูต้าไธโอน คือ
@ ความรู้เกี่ยวกับอาหารเสริมผิวขาว (กลูต้าไธโอน)
       กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ปกติแพทย์จะใช้ในปริมาณเพียง 200 มิลลิกรัมต่อครั้ง กลุ่มคลินิกเสริมความงามใช้เป็น สารผสมกับวิตามินซี ฉีดทำดีท็อกซ์ผิวขาว
กลูตาไธโอน เป็น tripeptides ของกรดอะมิโน 3 ตัว คือ ซิสทีน (cysteine), กรดกลูตามิค (glutamic acid) และไกลซีน (glycine) ซึ่งร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ และมีในอาหาร เช่น นม ไข่ ผลอะโวคาโด สตรอเบอร์รี มะเขือเทศ ผักบรอคโคลี ส้มเกรปฟรุต และผักโขม
กลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ช่วยให้ตับขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และยังนำมารักษาโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ข้ออักเสบ โรคพาร์กินสัน โรคตับ โรคไต โรคเอดส์ ภาวะเป็นหมันในเพศชาย

@ ประโยชน์ของกลูต้าไธโอน Glutathione

1. Antioxidation : Glutathione (กลูต้าไธโอน) จะถูกเปลี่ยนไปเป็นเอนไซม์ Glutathione Peroxidase มีคุณสมบัติเป็นสาร Antioxidant ที่สำคัญของร่างกาย ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
2. Detoxitication :
Glutathione (กลูตาไธโอน) ช่วยสร้างเอนไซม์ชนิดต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะ Glutathione
-S-transferase ที่ตับ ช่วยในการกำจัดสารพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษ ชนิดไม่ละลายน้ำ(ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิด ให้เป็นสารที่ไม่อันตราย และละลายน้ำได้ดีขึ้นแล้วขับออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์การสะสมของ Acetaldehyde(ทำให้เกิดอาการเมาค้าง) บุหรี่ และยา
3. Immune Enhancer :
Glutathione (กลูตาไธโอน
) จะส่งผลในการเพิ่มความสามารถในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรคของเม็ดเลือดขาว ชนิด Neutrophils และยังเพิ่มความสามารถในการทำงานของ เซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกายด้วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น
4. Beauty and Whitening : รังสี UV-A และ UV-B ในแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินและอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำและเกิดฝ้า L-Glutathione (แอล กลูต้าไธโอน) มีคุณสมบัติช่วยในการต่อต้านกลไกของอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิด Lipid peroxide ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดฝ้า นอกจากนี้
Glutathione (กลูต้าไทโอน ) ยังไปยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ Tyrosenase ส่งผลให้เม็ดสีเมลานินไม่ถูกสร้างขึ้น ทำให้ผิวค่อยๆขาวขึ้น
5. Male Fertity : L-Glutathione (แอล กลูต้าไทโอน) ทำให้ Sperm เคลื่อนที่ได้และลดอัตราการตายของ Sperm ด้วย
แม้ว่าร่างกายสามารถผลิต กลูต้าไธโอน ได้เอง และยังสามารถได้รับจากอาหารจำพวกผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ แต่สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน เช่น แสงแดด, มลภาวะ ฝุ่น ควัน, การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ และความเครียด มีผลทำให้ร่างกายได้รับกลูต้าไธโอนไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆได้อย่างเต็มที่

ผลข้างเคียง

ณ ปัจจุบันนี้ยังไม่มีรายงานผลข้างเคียง หรือ ปฏิกิริยาระหว่างยาของกลูต้าไทโอนชนิดรับประทานที่เป็นอันตราย
แต่มีรายงานนึงกล่าวว่าหากรับประทาน
กลูต้าไธโอนเกินวันละ สองหมื่นมิลลิกรัม(80 เม็ดต่อวัน)จะทำให้เกิดการทำลาย DNA

ข้อควรระวัง

ควรระวังในการทานกลูต้าไธโอน สำหรับคนที่มีอาการแพ้ต่ออาหารโปรตีน เช่น ไข่ นม หรือข้าวสาลี
เด็กที่มีอายุยังไม่ถึง 2 ขวบ และสตรีมีครรภ์ ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ ถ้าไม่จำเป็น หรือใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์



เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง